นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมให้บริการผ่านช่องทางโซเชียลแพลตฟอร์มอย่างเต็มตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่มีเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ภายหลังจากทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ด้วยการผสมผสานการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กันแล้ว
การทำการตลาดต่อจากนี้จะไม่ใช่แบบเดิมๆ อีกต่อไป บริษัทได้ให้บริการลูกค้าช้อปปิ้งได้ครบทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และเซ็นทรัลออนดีมานด์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งได้ทุกช่องทางทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเปิดบริการ
ทั้งนี้แผนการดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในระหว่างปี 2561-2565 ด้วยการเข้าสู่การเป็น “นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี” เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มแห่งแรกในประเทศไทย
ซึ่งภายในเดือนมีนาคม ห้างเซ็นทรัลได้รับ รางวัลใหญ่ ถึง3 รางวัล ได้แก่ รางวัล “Thailand’s Most Admired Brand 2018” จากนิตยสาร Brandage ในหมวดห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่พบว่า “ห้างเซ็นทรัล” สามารถรักษาตำแหน่งสุดยอดแบรนด์ที่ครองใจมหาชนชาวไทยไว้ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน, รางวัล “The Best Brand Performance 2018” ใน Category ‘Shopping Center’ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากเวที Thailand Zocial Awards 2018 และรางวัลรองชนะเลิศ สุดยอดโฆษณาบน YouTube ที่คนไทยชมมากที่สุดประจำปี 2560 (YouTube Ads Leaderboard) จากวิดีโอโฆษณาชุด “Heartbeat จังหวะจะรัก (Official MV)” สะท้อนว่ารากฐานการทำตัวห้าง และดิจิทัลของห้างเซ็นทรัล เป็นที่ยอมรับ เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า
“ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นธุรกิจนำร่องธุรกิจแรกของกลุ่มเซ็นทรัล ที่บริการลูกค้าผ่านออมนิแชนแนลแพลตฟอร์ม อย่างเต็มรูปแบบและไร้ขีดจำกัด ก่อนจะถูกพัฒนาขึ้นมาในทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ” นางสาวปิยวรรณกล่าว
ขณะนี้ห้างเซ็นทรัล ได้เปิดให้บริการผ่านครบทุกโซเชียลแพลตฟอร์ม ทั้งเฟสบุค ทวิตเตอร์ ไลน์ และอินสตาแกรม ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวน 1.2 ล้าน, 9.8 แสน, 5 ล้าน, 3.8 หมื่น ตามลำดับ โดยเฉพาะ เซ็นทรัลออนดีมานด์ (Central On Demand) หลังจากเปิดบริการเมื่อปลายปีที่แล้วขณะนี้มีผู้ติดตาม 65,000 คน และสั่งซื้อสินค้ากว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มถึง 100 ล้านบาทในปีนี้
“เราเป็นผู้นำในทุกดิจิตอลแพลตฟอร์ม และได้เชื่อมต่อออมนิแชนแนลอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ตอบสนองลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ามิลเลเนียนได้อย่างครบวงจร และมีการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มนี้เป็นสัดส่วน 20 % ในปีที่ผ่านมาจาก 12 % ในปี 2016 และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30 % ” นางสาวปิยวรรณกล่าว
เซ็นทรัลออนดีมานด์ เป็นประสบการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้ง ที่รวมความแข็งแกร่งของออฟไลน์ และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งห้างเซ็นทรัล นำเสนอเป็นห้างแรกในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในจังหวัดที่มีสาขาของห้างเซ็นทรัล หรือไม่สะดวกเดินทางมายังห้าง
นางสาวปิยวรรณกล่าวว่า เนื่องจากคนไทยนิยมแชตผ่านไลน์เป็นหลัก และมีพฤติกรรมเปิดไลน์วันละอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมง ห้างเซ็นทรัลจึงให้บริการเซ็นทรัลออนดีมานด์เต็มรูปแบบเมื่อเดือนมกราคมปีนี้
“จากรากฐานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่มั่นคง ตอนนี้เราก็กำลังต่อยอด พร้อมที่จะเริ่มต้น New chapter โดยจะรุกหนักในเรื่องของออมนิแชนแนล เพื่อมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าทุกคน” นางสาวปิยวรรณกล่าว
เซ็นทรัลออนดีมานด์ ทำให้การช้อปปิ้งง่ายและสะดวกด้วย 3 ขั้นตอน คือ Chat–Shop –Ship เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น แล้วแอดเฟรนด์ด้วยการแสกน QR Code ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ของห้าง หรือเสิร์ช @CentralOnDemandสำหรับภาษาไทยและ @CentralOnDemandEN สำหรับภาษาอังกฤษ จากนั้นแชตกับพนักงานถึงสิ่งที่ต้องการ หรือส่งรูปและข้อมูลสินค้าที่สนใจ เพื่อให้พนักงานจัดหาสินค้าที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในเซ็นทรัลสาขาใดก็ตาม ภายในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถเลือกรับสินค้าถึงบ้านผ่านบริการเดลิเวอร์รี หรือสินค้าด้วยตนเองที่ Click & Collect และที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา
เซ็นทรัลออนดีมานด์แตกต่างจาก อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ตรงที่ E-commerce ต้องเข้าไปในเว็บไซต์แล้วซื้อเฉพาะสินค้าที่มีขายในนั้นเท่านั้นและต้องรอรับสินค้า แต่เซ็นทรัลออนดีมานด์ เสมือนลูกค้ามาเดินช้อปปิ้งที่ห้างและมีพนักงานให้บริการโดยที่ลูกค้าไม่ต้องมาเองและยังได้โปรโมชั่นเดียวกับที่มาซื้อที่ห้าง
ปัจจุบันลูกค้าที่ใช้บริการเซ็นทรัลออนดีมานด์อยู่ในกรุงเทพ 53% และต่างหวัด 47% เป็นผู้หญิง 83.9% และ ผู้ชาย 16.1% และ 65 % มีอายุระหว่าง 30-44 ปี สำหรับสินค้า 3 อันดับแรกที่มียอดขายสูงสุดในช่วงเดือนกันยายน 2017 – กุมภาพันธ์ 2018 ได้แก่ 1. Ready To Wear 2. Home และ 3. Accessories
บริษัทคาดว่าในสิ้นปีนี้ จะมีผู้ติดตาม 250,000 แอคเคาน์ นางสาวปิยวรรณกล่าวว่า ด้วยยุทธศาสตร์ของห้างฯ ประกอบกับการเจริญเติบโตของธรุกิจท่องเที่ยวในเมืองไทย การเปิดสาขาใหม่ของห้างฯ ที่ภูเก็ตและ เปิดห้างเซนที่ป่าตอง จะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตมากกว่าจีดีพีในปีนี้ สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายประมาณ 40,000 ล้านบาทเติบโต 4 % จากปีก่อนหน้านี้
Leave a Reply