เอปสันย้ำครองเจ้าตลาดอิงค์แท็งค์และโปรเจคเตอร์ ปูพรมสินค้าใหม่จับตลาดองค์กรธุรกิจ

เอปสันตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์และโปรเจคเตอร์ของไทย เปิดตัว L-series และโปรเจคเตอร์ Smart series รุกตลาดองค์กรธุรกิจต่อเนื่อง รับกลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ขยายตัว พร้อมจัดงาน “Imagination to Future Business” โชว์ศักยภาพเทคโนโลยีเอปสันต่อยอดธุรกิจ และยก ระดับไลฟ์สไตล์ชีวิตยุคดิจิทัล

ยรรยง มุนีมงคงทร Epson_3

นายยรรยง มุนีมงคงทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในภาพรวมของธุรกิจทั้งใน กลุ่มสินค้าอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์และโปรเจคเตอร์ของเอปสัน  ถือว่ายังคงประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เพราะสามารถทำยอดขายพรินเตอร์ L-series ทั่วโลกใน 150 ประเทศ ทะลุ 20 ล้านเครื่องไปเมื่อไตรมาสสองปีนี้  ส่วนในประเทศไทย ยอดขาย L-series ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและครองส่วนแบ่งตลาดพรินเตอร์ระบบแท็งค์ได้ถึง 44% สำหรับโปรเจคเตอร์ เอปสันก็ยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดที่มียอดขายสูงสุดติดต่อกัน 16 ปี ด้วยส่วนแบ่ง ตลาดทั่วโลกที่ 35.5% เช่นเดียวกับตลาดประเทศไทย ที่เอปสันยังคงเป็นอันดับหนึ่ง โดยสามารถเพิ่มส่วนแบ่ง ตลาดขึ้นมาเป็น 45% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้”

“เอปสันจึงต้องการรักษาความต่อเนื่องในการรุกขยายตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่ม อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์รุ่น L-series และโปรเจคเตอร์รุ่น Smart series เพื่อรองรับการลงทุนขยายธุรกิจของ องค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่มีจำนวนเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังรองรับการลงทุน ของหน่วยงานรัฐที่จะเริ่มต้นขึ้นในปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย”

สำหรับสินค้ากลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์ L-series ที่เปิดตัวในครั้งนี้เป็นเครื่องมัลติฟังก์ชั่นสี่สี พร้อม Wi-Fi ได้แก่ L405 และรุ่นที่ใช้หมึกพิกเมนท์สีดำกันน้ำจำนวน 5 รุ่น ได้แก่ L4150, L4160, L6160, L6170, L6190 โดย ไฮไลท์อยู่ที่รุ่น L6160, L6170 และ L6190 ที่ใช้หัวพิมพ์ไมโครปิเอโซรุ่นใหม่ PrecisionCore ทำให้สามารถพิมพ์ งานปริมาณมากในความเร็วสูง และให้ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ถูก โดยพิมพ์สีอยู่ที่ 13 สตางค์ และพิมพ์ขาวดำ  5 สตางค์ ทั้งยังสามารถพิมพ์สองหน้า (Duplex) แบบอัตโนมัติ และพิมพ์แบบไร้ขอบ (Borderless) ได้ใหญ่สุดถึงขนาด A4

ยรรยง มุนีมงคงทร Epson_2

นายยรรยง กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันลูกค้าองค์กรธุรกิจมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อพรินเตอร์มากขึ้น นอกเหนือจาก ความคุ้มค่าในการลงทุนและประหยัดค่าพิมพ์ต่อแผ่นแล้ว ยังต้องการเครื่องที่พิมพ์งานได้เร็วยิ่งขึ้น โดยที่คุณภาพ ไม่ลดลง ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ ไปจนถึงประเภทของน้ำหมึกที่ใช้ ต้องให้ผลงานที่สวยงาม คงทน ซึ่งเอปสันสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกด้าน รวมไปถึงในด้านตัวสินค้าที่มีความทนทาน และ ด้านการทำงานที่มีประสิทธิภาพและให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่าคู่แข่ง เพราะผ่านการประกอบและการควบคุม คุณภาพการผลิตจากโรงงานของเอปสันเอง”

“เอปสันยังเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่มีอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ระบบแท็งค์มากที่สุดถึง 18 รุ่นในตลาด ลูกค้าจึงสามารถ เลือกใช้รุ่นที่เหมาะกับงบประมาณและปริมาณการพิมพ์ในออฟฟิศของตัวเองได้อย่างลงตัว ไม่ต้องกังวลกับต้นทุน การพิมพ์ต่อแผ่นที่สูงหรือการเปลี่ยนตลับหมึกอีกต่อไป อีกทั้งมีการนำหมึกพิกเมนท์สีดำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณ การพิมพ์งานขาวดำได้มากขึ้น จากเดิม 6,000 แผ่นต่อหมึก 1 ขวด เป็น 7,500 แผ่น”

“นอกจากนี้ ในตลาดยังไม่มีเครื่องคู่แข่งที่สามารถพิมพ์ Duplex แบบอัตโนมัติได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยประหยัด ต้นทุนค่ากระดาษในออฟฟิศลงได้ถึง 50% สอดรับกับเทรนด์การพิมพ์งานในออฟฟิศวันนี้ที่มุ่งลดการใช้กระดาษ มากขึ้น จุดเด่นอีกประการของสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้คือขนาดเครื่องที่เล็กลง ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน และ ระบบการเติมหมึกแบบใหม่ที่ป้องกันการหกเลอะและปัญหาการเติมหมึกผิดสี ด้วยหัวล็อคช่องเติมหมึกบนแท็งค์ และจุกขวดน้ำหมึกที่ได้รับการออกแบบให้มีความแตกต่างเฉพาะตัวของแต่ละสี สินค้าทุกรุ่นยังเพิ่มระยะเวลาการ รับประกันเป็น 2 ปี เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้า” นายยรรยง กล่าว

ยรรยง มุนีมงคงทร Epson_1

ในส่วนโปรเจคเตอร์เอปสัน ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Smart series ที่มีความสว่างไม่เกิน 4,000 ลูเมนส์ พร้อม กัน 7 รุ่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในห้องประชุมขนาดเล็กสำหรับองค์กรธุรกิจเอสเอ็มอี สถาบันศึกษา และธุรกิจ Co-working ประกอบด้วย EB-S05, EB-S41, EB-X05, EB-X41, EB-W05, EB-W41 และ EB-U42

โดยมีการอัพเกรดเรื่องหลอดภาพที่ให้แสงสว่างเพิ่มขึ้นและมีอายุการใช้งานนานขึ้นจาก 5,000 ชั่วโมง เป็น 6,000 ชั่วโมง และ 10,000 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode)  รวมถึงยังมีฟังก์ชั่นที่สามารถเลือกให้เครื่องเปิดทำงานเองโดยอัตโนมัติทันทีที่เสียบปลั๊กไฟ (Direct Power-On) หรือทันทีที่เสียบสายเชื่อมต่อสัญญาณภาพขาเข้า (Auto Power-On)

นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Home Screen ที่สามารถเลือกฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยมาตั้งค่าไว้เพื่อการใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น   ซึ่งโปรเจคเตอร์ทั้ง 7 รุ่น ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ Wireless ที่เมื่อต่อเข้ากับเครื่องโปรเจคเตอร์ จะส่งสัญญาณไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อการทำงานด้วยแอพพลิเคชันเฉพาะของเอปสัน iProjection ได้ทันที

โดย EB-U42 จะมี build-in wireless สามารถเชื่อมต่อ ผ่าน Wi-Fi Direct และ Miracast เพื่อดึงภาพจากหน้าจอสมาร์ทดีไวซ์ขึ้นมาฉาย (Screen Mirroring) ได้ ทั้งยังมี ฟังก์ชั่น Multi PC ที่ช่วยเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเลต ทั้งในระบบ Android และ iOS ได้ถึง 50 จอ โดยรองรับการแสดงผลจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้พร้อมกัน 4 หน้าจอ

ยรรยง มุนีมงคงทร Epson_5

นายยรรยง ยังกล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดสนับสนุนการเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้ ว่า “สภาพตลาดและไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น ทำให้เทคโนโลยีต้องอัพเกรด ประสิทธิภาพให้สามารถนำเสนอผลลัพธ์ที่ มากกว่าสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังได้ การเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้เป็นการแสดงศักยภาพของเอปสันที่สามารถคงความ ต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพรินเตอร์และโปรเจคเตอร์มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ เอปสัน ประเทศไทย ยังได้ออกกลยุทธ์ 4Cs เพื่อสนับสนุนการทำตลาดสินค้าใหม่ ซึ่งประกอบด้วย Customer Solution หรือการนำ เสนอรูปแบบใหม่ผ่านการผสมผสานสินค้าต่างๆ ของเอปสันออกมาเป็นโซลูชั่นที่หลากหลายเพื่อธุรกิจประเภท ต่างๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นถึงภาพรวมของการทำงานทั้งระบบที่มีสินค้าของเอปสันเป็นองค์ประกอบใน ทุกขั้นตอน แทนที่จะแยกนำเสนอสินค้าแต่ละชิ้นและเน้นการขายแบบตัดราคา โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ ลูกค้าได้รับจริงๆ”

“Customer Value หรือการเน้นสร้างคุณค่าจริงที่ลูกค้าต้องได้รับจากสินค้าของเอปสัน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจ ขนาดไหน เอปสันจะนำเสนอสินค้าที่ช่วยสร้างมูลค่าทางธุรกิจและรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าได้ ทั้งใน เรื่องของความคุ้มค่าในการลงทุน การประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำงาน ความสะดวกสบายในการทำงาน คุณภาพของผลงานที่ได้รับ ไปจนถึงความสบายใจจากการบริการหลังการขายและการรับประกันสินค้า ต่อมาคือ Convenience Channel หรือการเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายที่เข้มแข็ง มีความรู้ความเข้าใจ ในความต้องการของลูกค้าธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างดี ทั้งยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยี ของเอปสัน เพื่อพร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่ลูกค้าได้ในทุกเรื่อง”

“สุดท้ายคือกลยุทธ์ด้านการสื่อสาร Communications หรือการสร้างสรรค์รูปแบบการนำเสนอคุณค่าด้านต่างๆ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เอปสันในตลาดกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการสนับสนุนการขายผ่าน เครื่องมือสื่อสารการตลาดรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์และสินค้าของเอปสันมากที่สุด อย่างเช่นการเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้ เอปสันได้จัดงาน “Imagination to Future Business” เพื่อนำเสนอมุมมอง การนำเทคโนโลยีของเอปสันไปใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในอนาคต พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ของชีวิตในยุค ดิจิทัล”

“ในงาน Imagination to Future Business จะมีการแบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ โซนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, โซนสถาบันศึกษา, โซนองค์กรธุรกิจ, โซนธุรกิจงาน ประชุมและนิทรรศการ และโซนธุรกิจร้านค้าปลีก ลูกค้าจะได้ สัมผัสถึงรูปแบบใหม่ในการนำเทคโนโลยีของเอปสันมาใช้เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น การติดตั้ง โปรเจคเตอร์คู่กับชุดโฮมเธียเตอร์ในโครงการบ้านจัดสรร การนำเสนอคอนเท้นท์รูปแบบใหม่ในพิพิธภัณฑ์ผ่านการ ทำ Mapping และเทคโนโลยี AR ซึ่งมองผ่านแว่นตาอัจฉริยะ Moverio ของเอปสัน หรือการนำเสนอเมนูอาหาร และโปรโมชั่นในร้านอาหารด้วยป้ายดิจิทัลผ่าน โปรเจคเตอร์ และการใช้เครื่องพิมพ์ใบเสร็จแบบพกพาของเอปสัน สำหรับการชำระเงิน ณ จุดขาย” นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*