เอปสันเร่งเครื่องรุกตลาด CLMV รับกระแสเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดไทยยังคงรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ โดยมีสินค้ากลุ่มพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม และโปรเจ็กเตอร์เป็นสินค้าไฮไลท์ในปีที่ผ่านมา พร้อมนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่
มร.โตชิมิตสุ ทานากะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอปสัน สิงคโปร์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เอปสันยังคงเดิน หน้าสร้างความสำเร็จทั้งในตลาดโลกและระดับภูมิภาค โดยสามารถรักษาตำแหน่งเจ้าตลาดโปรเจ็กเตอร์ด้วย ส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 35.5% ส่วนในภูมิภาคอาเซียน เอปสันมีผลการดำเนินงานโดยรวมเติบโตขึ้น 14% ทั้งนี้ เป็นเพราะเราไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมของเรา เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกทำงานได้เต็มศักยภาพที่สุด”
“เอปสันจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจในอนาคตไว้ว่าบริษัทฯ จะมุ่งสร้างสรรค์ยุคสมัยแห่งการเชื่อมโยงกัน ระหว่างผู้คน สิ่งของ และข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีอันเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ในขนาดกระทัดรัด และเฉียบคมแม่นยำ ใน 4 สายนวัตกรรม ได้แก่ อิงค์เจ็ตพรินเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารด้วยภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และหุ่นยนต์ แขนกล”
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีที่ ผ่านมาว่า ในส่วนของประเทศไทยถือว่าสอบผ่าน เพราะท่ามกลางสภาวะตลาดไอทีโดยรวมที่หดตัวลง บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสินค้าพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่ ทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากที่สุด โตขึ้น 50% ตามมาด้วยโปรเจ็กเตอร์ที่ขายได้เพิ่มขึ้น 16% ส่วนอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ มียอดขายทรงตัว แต่เอปสันยังครองส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งของตลาดพรินเตอร์ระบบแท็งค์ที่ 59%
“ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มสินค้าพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมมาจากการที่มีผู้ประกอบการจำนวนมากขึ้นที่เริ่มนำระบบการพิมพ์แบบดิจิทัลเข้าไปใช้ในธุรกิจแทนที่ระบบอนาล็อก ทั้งยังมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในพรินเตอร์ของเอปสันว่าสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิต และลดต้นทุนในการดำเนินงาน ทั้งยังช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจในการเปิดไลน์ผลิตที่เน้นงานคุณภาพหรืองานแบบ made to order ได้
นอกจากนี้ เอปสันยังได้ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องจนสามารถเจาะเข้าถึงธุรกิจหลายประเภทได้สำเร็จ ทั้งโฟโต้แล็บ พรีเพรส ป้ายโฆษณา และอุตสาหกรรมสิ่งทอ ในขณะเดียวกันโปรเจ็กเตอร์ของเอปสันมียอดขายเพิ่มขึ้น สวนทางกับตลาด โดยรวมที่ไม่มีการเติบโต ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งเพิ่มขึ้นได้อย่าง ต่อเนื่อง และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งถึง 44% โดยบริษัทฯ ได้ใช้กลยุทธ์ในการออกสินค้าใหม่ และอัพเกรดสินค้าในพอร์ตอยู่เสมอ จนปัจจุบันมีโปรเจ็กเตอร์มากกว่า 60 รุ่นในตลาด บริษัทฯ ยังพยายามเข้าถึง ลูกค้าเป้าหมาย ทั้งองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ตามบ้านผ่านช่องทางที่หลากหลาย ควบคู่กับการทำกิจกรรมการตลาด อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้ลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย”
“ในส่วนของอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ ปี 2559 เป็นปีที่ตลาดมีการแข่งขันกันรุนแรงมาก แต่เอปสันยังรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่งไว้ได้ ด้วยประสิทธิภาพของพรินเตอร์ที่สูงกว่าให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีกว่า บวกกับไลน์สินค้ามากกว่าคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันเอปสันมี L-Series ในตลาดมากถึง 16 รุ่น มีทั้งรุ่นที่พิมพ์ได้ทั้ง A4 และ A3 เครื่องซิงเกิลฟังก์ชั่น มัลติฟังก์ชั่น เครื่องพิมพ์ขาวดำไปจนถึงรุ่นพิมพ์โฟโต้ 6 สี อีกทั้งทุกรุ่นยังได้รับการรับประกันค่าแรง และอะไหล่ทุกชิ้นส่วน รวมถึงหัวพิมพ์และแผ่นซับหมึกนาน 2 ปี หรือตามจำนวนพิมพ์ ซึ่งมากกว่าแบรนด์อื่นในตลาด นอกจากนี้ ในปัจจุบันอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ระบบแท็งค์หรืออิงค์แท็งค์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วครองสัดส่วนถึง 59% ของตลาด อิงค์เจ็ตพรินเตอร์ทั้งหมด และยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการเติบโตระยะยาวของ L-Series” นายยรรยง กล่าวต่อ
สำหรับผลประกอบการของตลาดต่างประเทศภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และปากีสถาน ยอดขายโดยรวมในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งมีตลาดพม่าเติบโตอย่างโดดเด่นที่สุดที่ 30% ตามมาด้วยลาวและเวียดนามที่ 20%
นายยรรยงกล่าวว่า “ตลาด CLMV ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทุกปี เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเติบโตอยู่ ในเกณฑ์ที่สูงกว่า 6 – 7% ต่อปี การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ และการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาพ แวดล้อมทางธุรกิจของทุกประเทศเปลี่ยนไป แบรนด์ยักษ์ใหญ่จำนวนมากเข้าไปตั้งสาขามากขึ้น เกิดธุรกิจใหม่ๆ ในเมืองต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติในการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวงการการศึกษาทำให้ความต้องการสินค้าไอทีพุ่งสูงขึ้น โอกาสทางธุรกิจของเอปสันในตลาดนี้จึงเปิดกว้างมาก”
“ปีที่ผ่านมาโปรเจ็กเตอร์ของเอปสันเติบโตขึ้นอย่างมากและได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ทำยอดขายเติบโตถึง 74% เช่นเดียวกับ L-Series ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 24% เพราะกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในด้านความประหยัด ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ถูก บวกกับกระแสอิงค์แท็งค์ที่กำลังเข้ามาแทนที่อิงค์เจ็ตพรินเตอร์รุ่นเดิมที่มีอยู่ในตลาดและเลเซอร์พรินเตอร์”
นายยรรยง กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ว่าสำหรับเอปสัน กระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เป็นทั้งเรื่องท้าทายและโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเติบโตโดยรวมไว้ที่ 7% ซึ่งมาจากยอดขายในตลาดประเทศไทยที่คาดว่าจะโตเพิ่มขึ้น 5% และตลาดต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 15% บริษัทฯ ยังได้กำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาใน 4 ด้าน ได้แก่ International Business, Core Business, Business Solution และ Business Revolution
ด้าน International Business หรือธุรกิจในตลาดต่างประเทศ เอปสันจะยกระดับความเข้มข้นในการทำการตลาด ในตลาด CLMV มากยิ่งขึ้น เพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนไป โดยจะปรับระบบการบริหารจัดการให้ดำเนินงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีการนำสินค้าใหม่เข้าไปเปิดตัวในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพของตัวแทนจำหน่ายในปัจจุบันและเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าในเมืองสำคัญอื่นๆ มากขึ้น
สำหรับ Core Business หรือธุรกิจหลัก เอปสันจะยังมุ่งรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดทั้งในส่วน ของ L-Series และโปรเจ็กเตอร์ต่อไป ผ่านกิจกรรมการรตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับข้อได้เปรียบและประโยชน์ที่เทคโนโลยีของเอปสันสามารถมอบให้กับลูกค้าได้ ด้าน Business Solution หรือ โซลูชั่นทางธุรกิจ เอปสันจะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ใหม่ในการพัฒนาโซลูชั่นบนคลาวด์และโมบายโซลูชั่น ทั้งสำหรับเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ และแว่นตาอัจฉริยะของเอปสัน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ส่วนด้าน Business Revolution หรือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เอปสันมีนโยบายที่จะนำนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับ เปิดสายธุรกิจใหม่ในตลาด ทั้งอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ความเร็วสูงที่จะเข้ามาแข่งขันโดยตรงกับเลเซอร์พรินเตอร์ นวัตกรรมหุ่นยนต์แขนกลเพื่อรุกตลาดอุตสาหกรรมและโรงงานผลิต และโปรเจ็กเตอร์เชิงธุรกิจที่ได้รับการพัฒนา ให้มีขนาดที่กระทัดรัด ติดตั้งง่าย และใช้งานได้ด้วยระบบสัมผัส หรือ Gesture Presenter ซึ่งเอปสันได้ทำการ เปิดตัวสินค้าใหม่ในวันนี้รวม 14 รุ่น
โปรเจ็กเตอร์เชิงธุรกิจรุ่นใหม่ประกอบด้วย EB-1450Ui และ EB-1460Ui โปรเจ็กเตอร์ฉายระยะสั้นพิเศษที่มีความละเอียดระดับ WUXGA ด้วยหลอดภาพที่มีอายุการใช้งานนานถึง 10,000 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วยมาตรฐาน Miracast มีระบบพื้นผิวสัมผัส ทั้งยังมีคุณสมบัติการเชื่อมต่อการฉายจากสองเครื่องได้ หรือ multi-projection
ซีรี่ส์ EB-1700 โปรเจ็กเตอร์ 3LCD ที่เบาที่สุดในโลกด้วยน้ำหนักไม่เกิน 1.83 กิโลกรัม ขนาดกระทัดรัดพกพา สะดวก หนาเพียง 44 มิลลิเมตร มีฟังก์ชั่นที่ครบครัน เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ EB-1795F, EB-1785W และ EB-1781W
นอกจากนี้ ยังมีซีรี่ส์ EB-2000 ซึ่งประกอบด้วย EB-2265U, EB-2255U, EB-2245U, EB-2165W, EB-2155W, EB-2140W, EB-2065, EB-2055 และ EB-2040 กลุ่มโปรเจ็กเตอร์เพื่อองค์กรธุรกิจ ที่มีระดับความสว่างถึง 5,500 ลูเมนส์ ซึ่งมาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจวัดความสว่างในสถานที่ใช้งานโดยอัตโนมัติ และรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Miracast
นายยรรยง กล่าวต่อว่า “นอกจากโฟกัสทางธุรกิจทั้ง 4 ด้านนี้ บริษัทฯ ยังได้ทำแคมเปญสื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 เพื่อตอกย้ำว่าเอปสันเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในเชิงการรับรู้แบรนด์ที่กว้างขึ้นและทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์เอปสัน ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และสนับสนุนด้านการขาย
“ในโอกาสที่บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 26 ในปีที่ผ่านมา เอปสันได้ใช้งบประมาณราว 30 ล้านบาทในการทำแคมเปญ #TrustInYou โดยนำคุณค่า 3 ประการจากปรัญชาองค์กร ได้แก่ Passion ความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งเป็นสูตรความสำเร็จในการทำธุรกิจ มาใช้ในการสื่อสารแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Expert Endorsement โดยบริษัทฯ ได้เลือกคุณรักกิจ ควรหาเวช ศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดังของเมืองไทย คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุ๊คบี จำกัด (Ookbee) และผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks และคุณพันธวิศ ลวเรืองโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะโพสโทรฟีเอส กรุ๊ป จำกัด นักออกแบบงานนิทรรศการที่เป็นที่รู้จักในวงการออกแบบทั้งในเเละต่างประเทศ มาร่วมทำงานในแคมเปญนี้ เพื่อถ่ายทอดคุณค่าทั้ง 3 และเป็นตัวแทนมืออาชีพที่ใช้สินค้ากลุ่มต่างๆ ของเอปสัน โดยสื่อสารเรื่องราวทั้งหมดนี้ผ่านงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมพิเศษ ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาส engage กับแบรนด์และมีประสบการณ์ที่ดีกับสินค้าของเอปสันได้มากยิ่งขึ้น”
“เอปสันมีแผนที่จะสร้างแคมเปญต่อเนื่องในปีต่อไป เพื่อเข้าถึงลูกค้าในทุกธุรกิจมากขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงจุดเด่นของนวัตกรรมของเรา รวมถึงปรัชญาและที่มาของความมุ่งมั่นทุ่มเท และวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ อีกทั้งจะ ขยายขอบเขตการดำเนินงานไปยังตลาด CLMV ด้วยเช่นกัน” นายยรรยง ทิ้งท้าย
Leave a Reply