เวิร์คพอยท์ เติบโตต่อเนื่อง ผลประกอบการโดดเด่น อันดับ 1 กลุ่มดิจิทัลทีวี

นับเป็นช่องดิจิทัลทีวีที่เติบโตได้ต่อเนื่อง สำหรับช่องเวิร์คพอยท์ เลข 23  ล่าสุดกำไรครึ่งปีแรก 162.6 ล้านบาท  รายได้มาจากธุรกิจทีวีเป็นหลัก โดย นายสุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินการลงทุน  ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ให้ฟังว่า

“กำไรครึ่งปีแรกของบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ที่ 162.6 กว่าล้าน เพิ่มมา 111% จากครึ่งปีที่แล้ว ที่กำไรประมาณ 77 ล้าน  โดยธุรกิจที่เติบโตขึ้นมากคือธุรกิจช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งมีรายได้คิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของรายได้รวม  ทั้งนี้อัตราการขายโฆษณาของช่องเวิร์คพอยท์ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เพราะเรตติ้งปรับขึ้นมาโดยตลอด  ถ้าเทียบในช่วงปี 2557  ตอนที่เริ่มต้นช่องเวิร์คพอยท์ ในไตรมาส 2  เรตติ้งเราอยู่ที่ประมาณ 0.25   แต่ปัจจุบันเรตติ้งเราอยู่ที่ประมาณ 1.2   ทำให้อัตราโฆษณาปรับขึ้นตามเรตติ้งที่เพิ่มมากขึ้นด้วย  จากขายเฉลี่ยนาทีละหมื่นกว่าบาท ตอนนี้โดยเฉลี่ยก็ห้าหมื่นกว่าบาท  และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเรื่อยๆ  โดยปีนี้เป้าการเติบโตของรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทน่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือปีนี้รายได้รวมน่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้าน  รายได้หลักอยู่ที่ธุรกิจช่องเวิร์คพอยท์ประมาณ 2,500-2,600 ล้านบาท  ส่วนธุรกิจอื่นๆ เช่น  คอนเสิร์ต และ Event  รายได้รวมกันประมาณ 300 ล้าน ที่เหลือก็จะเป็นธุรกิจอื่นๆ

Workpoint Entertainment 2

กำไรของปีนี้เรามองที่อัตรากำไร net profit margin  อยู่ที่ 10 -11 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเป้าเดิมที่เคยตั้งไว้  ตอนนี้เราปรับเปลี่ยนคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ  มีการเพิ่มคอนเทนต์และมีการปรับผัง อย่างครึ่งปีหลังมีการแทรกรายการใหม่เข้าไป  เช่น รายการไมค์หมดหนี้  ซึ่งออกอากาศไปบ้างแล้ว ณ ปัจจุบัน มีเรตติ้งสูงถึง 3.23  ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มดี  โดยรายการนี้ออกอากาศทุกวันจันทร์ -พฤหัส ความยาวรายการประมาณ 45 นาที  นอกจากนี้รายการของช่องที่มีเรตติ้งสูงสุด คือ  ไมค์ทองคำ , ไมค์ทองคำเด็ก , I Can See Your Voice, ปริศนาฟ้าแลบ และ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว   ในไตรมาส 4 เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมเราจะมีการปรับผัง โดยการดึงรายการฟอร์แมทใหญ่เข้ามา อาทิ  Let me in Thailand season 2 ,The Mask singer, ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร, เดี่ยวดวลไมค์ ฯลฯ  ส่วนใหญ่เป็นรายการประเภทวาไรตี้  ซึ่งคาดว่าจะมีผลตอบรับด้านเรตติ้งเป็นอย่างดี สำหรับละครเรามีอยู่แล้วไตรมาสละ 1 เรื่อง ล่าสุดที่กำลังจะออนแอร์คือเรื่อง แรงชัง ละครแนวพีเรียด เริ่ม 12 ก.ย.นี้

ค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิต ปีนี้ทั้งปี น่าจะใช้ไป 567 ล้าน ต่ำกว่าต้นทุนBudgetที่กำหนดไว้ที่ 650 ล้านบาท ก็ถือว่าบริหารต้นทุนได้ดี หลักๆ คือเราดูตาม performance รายการด้วย รายการไหนที่เรตติ้งยังดีอยู่ เราก็พยายามรักษา momentum นั้นไว้ ถ้า performance ได้ ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มรายการใหม่เข้าไป ก็บริหารต้นทุนให้เหมาะสมกับรายได้ที่เข้ามา

การแข่งขันของดิจิทัลทีวีรุนแรงมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว  หลายๆช่องก็เพิ่มตัวคอนเทนท์ต่างๆเข้ามา แต่เวิร์คพอยท์เราก็ทำรายการที่เราถนัดได้ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถรักษาตำแหน่งเรตติ้งอันดับ 3 ของช่องทั้งหมดไว้ได้  เรตติ้งในภาพรวมก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ครับ  เพราะฉะนั้นจึงเชื่อมั่นว่าเรตติ้งเป้าหมายเฉลี่ยทั้งปีที่ 1.2 เป็นไปได้อยู่แล้ว และสิ้นปีน่าจะเกิน 1.2 ด้วยซ้ำ”

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*